หอยเสียบ (Pharella javanica) บางแห่งอาจเรียก หอยมีดโกน หอยเสียบ หอยเสียบทราย ชื่อสามัญ : Razor clam, Knife jacked clam, Cultellus clam บางครั้งอาจจะทำให้สับสนซึ่งชื่อตามภาษาไทยในท้องถิ่น เหมือนกันกับหอยเสียบ (หอยเสียบทราย)ที่มีชื่อสามัญ Donax wedge shell หรือ Pacific bean donex ซึ่งแท้ที่จริงแล้วอยู่ต่างจำพวกกัน
หอยเสียบ
เขียนโดย
demonsiege
วันจันทร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2555
หอยเชลล์
เขียนโดย
demonsiege
หอยเชลล์ หรือ หอยพัด (อังกฤษ: Scallop) เป็นสัตว์มอลลัสกาฝาคู่อาศัยอยู่ในทะเล จัดอยู่ในวงศ์ Pectinidae หอยเชลล์พบได้ทุกมหาสมุทรของโลก หอยเชลล์จำนวนมากเป็นแหล่งอาหารราคาสูง ทั้งเปลือกสีสว่าง รูปพัดของหอยเชลล์บางตัว พร้อมกับแบบร่องเว้าแผ่ออกจากศูนย์กลาง ทำให้มีค่าสำหรับนักสะสมหอย
หอยนางรม
เขียนโดย
demonsiege
หอยนางรม มีชื่อสามัญ คือ Oyster หอยนางรม (วงศ์ Ostreidae) นั้นมีหลายสายพันธุ์ แต่ที่นิยมเลี้ยงกันอยู่โดยทั่วไปนั้น แบ่งออกเป็น 3 ชนิด ด้วยกันคือ หอยนางรมพันธุ์เล็กหรือหอยนางรมปากจีบ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Saccostrea commercialis หอยนางรมพันธุ์นี้มีเลี้ยงมากทางภาคตะวันออก ส่วนหอยรมอีกสองพันธุ์ที่เหลือเป็นหอยนางรมที่ค่อนข้างมีขนาดใหญ่เรียกว่า หอยตะโกรม (Crassostrea belcheri) และหอยตะโกรมกรามดำ (C.lugubris) แม้ว่าจะมีการเลี้ยงกันบ้างในภาคตะวันออก แต่การเลี้ยงส่วนใหญ่จะอยู่ในเขตจังหวัดในภาคใต้
หอยคราง
เขียนโดย
demonsiege
หอยครางอาศัยตามแนวปะการังค่อนข้างลึก ซึ่งไม่เหมือนกับหอยแครงที่อาศัยอยู่ตามดินโคลน ซึ่งบางครั้งจะพบทรายหรือทรายปนโคลนปะปนอยู่ในเปลือกหอยด้านในด้วย พบในแถบจังหวัดตราด, เพชรบุรี, ภูเก็ตและสงขลา
หอยกูอีดั๊ก
เขียนโดย
demonsiege
หอยกูอีดั๊ก (อังกฤษ: Geoduck) หรือเรียกสั้น ๆ ว่า กูอี (Gooey) หรือ ดั๊ก (Duck) เป็นหอยสองฝาที่พบในทะเลชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Panopea generosa ในวงศ์ Hiatellidae
เป็นหอยที่มีลักษณะเด่นคือ มีเปลือกสีขาวยาวประมาณ 15-20 เซนติเมตร แต่มีจุดเด่นคือ มีท่อดูดซึ่งตอนปลายมีรู 2 รู แยกเป็นรูดูดอาหารและรูปล่อยของเสียรวมถึงสเปิร์มในตัวผู้ และไข่ในตัวเมีย ยื่นยาวออกมาจากเปลือกอย่างเห็นได้ชัด แลดูคล้ายงวงของช้าง ซึ่งอาจยาวได้ถึง 1 เมตร
หอยกูอีดั๊กจะอาศัยในทะเล โดยการฝังตัวใต้ทรายบริเวณชายฝั่งบริติชโคลัมเบียในมหาสมุทรแปซิฟิก ระหว่างประเทศแคนาดาและสหรัฐอเมริกา หากินโดยการกินสาหร่ายทะเลเป็นอาหาร เมื่อถูกจับขึ้นมา จะพ่นน้ำคัดหลั่งออกมาจากปลายท่อดูด
หอยแมลงภู่
เขียนโดย
demonsiege
หอยแมลงภู่ (อังกฤษ: Asian green mussel; ชื่อวิทยาศาสตร์: Perna viridis ) จัดอยู่ในไฟลัมมอลลัสคาเป็นหอยสองฝา สีของเปลือกเปลี่ยนไปตามสภาพการอยู่อาศัย กล่าวคือ ถ้าอยู่ใต้น้ำตลอดเวลามีสีเขียวอมดำ ถ้าอยู่บริเวณน้ำขึ้นน้ำลง ถูกแดดบ้างเปลือกจะออกเหลือง อาศัยตามเสาไม้ไผ่ปักในทะเล มีหนวดหรือเส้นใยเหนียวสำหรับเกาะหลักเรียกว่า เกสร อาศัยตามปากแม่น้ำที่เป็นดินโคลน กินสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กในน้ำ นำมาปรุงอาหารได้หลายชนิด เช่น หอยทอด ลวกจิ้ม
หอยแครง
เขียนโดย
demonsiege
หอยแครงเป็นหอยสองฝาอีกชนิดหนึ่งที่เป็นสัตว์เศรษฐกิจในประเทศไทย โดยเนื้อใช้รับประทานเป็นอาหารที่ให้โปรตีน นิยมนำไปปรุงด้วยการเผาหรือลวก ส่วนเปลือกใช้ทำเครื่องประดับของชำร่วย หรือ บดผสมลงในอาหารไก่ และยังทำเป็นปูนได้อีกต่างหาก
หอยเบี้ยแก้ตัวเล็ก
เขียนโดย
demonsiege
หอยเบี้ยแก้ตัวเล็ก หรือ หอยเบี้ยหัวงู (อังกฤษ: Serpent's-head cowry) เป็นหอยทะเลเปลือกเดี่ยวชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Monetaria caputserpentis อยู่ในวงศ์ Cypraeidae
มีเปลือกหนา เปลือกเป็นรูปครึ่งทรงกลมด้านล่างแบนด้านหลังโค้งนูน ด้านข้างแผ่ออกเป็นฐาน มีช่องเปิดปากอยู่ทางด้านข้างเป็นร่องยาว มีฟันที่ขอบทั้งสองข้างไม่มีฝาปิด พื้นผิวด้านบนมีสีน้ำตาลแต้มด้วยจุดขาวเล็ก ๆ กระจัดกระจาย พบได้ทั่วไปในแถบอินโด-แปซิฟิก เช่น ทะเลแดง, มหาสมุทรอินเดีย, ทะเลฟิลิปปิน จนถึงออสเตรเลีย ในน่านน้ำไทยพบตามบริเวณที่มีปะการังในเขตน้ำตื้นไปจนถึงบริเวณที่เป็นร่องน้ำและน้ำค่อนข้างลึกได้ถึง 200 เมตร กินสาหร่ายและตะไคร่น้ำเป็นอาหาร มีความยาวประมาณ 3 เซนติเมตร
หอยเบี้ยจักจั่น
เขียนโดย
demonsiege
หอยเบี้ยจักจั่น หรือ หอยเบี้ยจั่น (อังกฤษ: Money cowry) เป็นหอยทะเลฝาเดียวชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Monetaria moneta ในวงศ์ Cypraeidae
มีเปลือกแข็ง ผิวเป็นมัน หลังนูน ท้องแบน ช่องปากยาวแคบและไปสุดตอนปลายทั้ง 2 ข้าง เป็นลำราง ริมปากทั้ง 2 เป็นหยักคล้ายฟัน ไม่มีฝาปิด มีความยาวประมาณ 12-24 มิลลิเมตร มีถิ่นแพร่กระจายอยู่ในทะเลเขตอบอุ่นทั้งในมหาสมุทรแปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดีย อาทิ ทะเลแดง อินโด-แปซิฟิก นอกชายฝั่งทะเลด้านมหาสมุทรแปซิฟิกของอเมริกากลาง ชายฝั่งทะเลทวีปแอฟริกาตอนตะวันออกและใต้ ทะเลอันดามัน อ่าวไทย ทะเลญี่ปุ่น ไปจนถึงโอเชียเนีย ดำรงชีวิตอยู่ตามแนวปะการังใกล้ชายฝั่ง กินอาหารจำพวกแพลงก์ตอนและสาหร่ายทะเลที่ลอยมาตามกระแสน้ำ
หอยหวาน
เขียนโดย
demonsiege
หอยหวาน หรือ หอยตุ๊กแก หรือ หอยเทพรส (อังกฤษ: Spotted babylon,ชื่อวิทยาศาสตร์: Babylonia areolata) เป็นหอยทะเลฝาเดี่ยวชนิดหนึ่ง
มีเปลือกที่ค่อนข้างหนารูปไข่ ผิวเรียบสีขาวมีลวดลายสีน้ำตาลเข้ม มีหนวด 1 คู่ ตา 1 คู่ มีท่อ มีเท้าขนาดใหญ่ใช้สำหรับเคลื่อนที่ อาศัยอยู่ตามพื้นทะเลที่เป็นทรายหรือทรายปนโคลน ในระดับความลึกตั้งแต่ 2-20 เมตร พบได้ทั้งฝั่งอ่าวไทยและทะเลอันดามัน ในต่างประเทศพบได้ที่ ทะเลฟิลิปปิน, ทะเลจีนใต้ และไต้หวัน กินอาหารโดยใช้อวัยวะที่เป็นท่อสีขาวยื่นออกมา โดยจะยื่นปลายท่อไปยังอาหารและส่งน้ำย่อยออกไปและดูดอาหารกลับทางท่อเข้าร่างกาย หลังกินอาหารแล้ว ก็จะเคลื่อนที่ไปฝังตัวใต้ทราย ซึ่งอาหารได้แก่ ซากพืช ซากสัตว์ชนิดต่าง ๆ มีขนาดโตเต็มที่ประมาณ 40-100 มิลลิเมตร
หอยสังข์แตร
เขียนโดย
demonsiege
หอยสังข์แตร (อังกฤษ: Triton trumpet, ชื่อวิทยาศาสตร์: Charonia tritonis) จัดเป็นมอลลัสคาในชั้นหอยฝาเดี่ยว
มีรูปร่างลักษณะและลวดลายสีสวยงาม เปลือกค่อนข้างบาง ยอดเรียวแหลมคล้ายเจดีย์ ช่องปากเปิดกว้างมีสีส้มพื้นผิวด้านนอกสีน้ำตาลอ่อนแต้มด้วยลวดลายสีน้ำตาลเข้มจางสลับกัน ขนาดความยาวเปลือกประมาณ 1 ฟุต มักอาศัยอยู่ในแนวปะการังน้ำตื้น ของอินโด-แปซิฟิก สำหรับในน่านน้ำไทยจัดว่าเป็นหอยฝาเดี่ยวที่มีขนาดใหญ่ที่สุด โดยจะพบในความลึกประมาณ 30 เมตร ทั้ง บริเวณอ่าวไทยและฝั่งทะเลอันดามัน เช่นอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ จังหวัดภูเก็ต เป็นต้น
หอยชักตีน
เขียนโดย
demonsiege
หอยชักตีน Strombus canarium
เป็นหอยฝาเดียวที่จัดอยู่ในครอบครัว Strombidae พบแพร่กระจายทั่วไปในทะเลเขต Indo-West Pacific ตั้งแต่ประเทศอินเดีย ศรีลังกา ไปทางตะวันตกสุดถึงเมลานีเซีย เหนือสุดถึงประเทศญี่ปุ่น และใต้สุดถึงควีนสแลนด์และนิวคาลีโดเนีย พบอาศัยอยู่ในบริเวณพื้นทรายปนโคลน และบริเวณหญ้าทะเลและสาหร่าย ตั้งแต่เขตน้ำขึ้น-ลง ไปจนถึงในระดับความลึกถึงประมาณ 55 เมตร มีการเก็บมาใช้บริโภคเป็นอาหารในหลายประเทศในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งมีการนำเปลือกมาใช้ประโยชน์โดยเฉพาะอย่างยิ่งในงานหัตถกรรมเครื่องใช้และของประดับตกแต่งต่างๆ ขนาดใหญ่สุดมีความยาวเปลือก 10 ซม. แต่โดยทั่วไปมักพบขนาดประมาณ 6-7 ซม. ในประเทศไทยพบหอยชักตีนได้ทั่วไปทั้งในฝั่งอ่าวไทยและฝั่งทะเลอันดามัน ถือเป็นหอยฝาเดียวชนิดที่พบมาก (common) สามารถพบเปลือกตามชายฝั่งทะเลทั่วไป แต่มีเพียงบางแหล่งที่มีการเก็บหอยชักตีนขึ้นมาใช้ประโยชน์เพื่อการบริโภคอย่างแพร่หลาย ส่วนใหญ่เป็นแหล่งท่องเที่ยว เช่นแถบจังหวัดกระบี่ พังงา ภูเก็ต ระยอง ชุมพร เป็นต้น ซึ่งโดยทั่วไปการเก็บหอยชักตีนจะใช้วิธีงม หรือเดินเก็บในเวลาน้ำลงในเขตจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สามารถพบหอยชักตีนในพื้นที่ชายฝั่งทะเลของทุกอำเภอ และปัจจุบันยังคงมีอยู่ สังเกตได้จากที่สามารถพบเปลือกหอยใหม่ๆ ตามชายหาดทั่วไป แต่ไม่มีแหล่งที่ทำการประมงเก็บหอยชักตีนจากธรรมชาติมาบริโภคแพร่หลายเช่นในพื้นที่ฝั่งทะเลอันดามัน และไม่มีการศึกษาสำรวจอย่างจริงจัง จึงไม่ทราบสภาวะทรัพยากรหอยชักตีนในเขตจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ในปัจจุบัน
หอยเต้าปูน
เขียนโดย
demonsiege
หอยเต้าปูน (Cone snail or cone shell) จัดอยู่ในประเภทสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง ไฟลัมมอลลัสคา ชั้นแกสโทรโพดา เป็นสัตว์นักล่า พบได้ตามแถบแนวปะการัง เปลือกมีสีสันสดใส และมีลวดลายสวยงาม ดึงดูดสายตา แต่มีบางสายพันธุ์ที่สีของหอยเต้าปูนจะซ่อนอยู่ภายใต้เนื้อเยื่อพิเศษ ที่ยังไม่ทราบการทำงานที่แน่ชัด (Periostracum) บางชนิดในแถบทะเลเขตร้อน จะมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ มีมากกว่า 500 สปีชี่ส์ จัดเป็นสัตว์กินเนื้อ มักจะล่าหนอนทะเล ปลาเล็ก ๆ หอย หรือแม้กระทั่งหอยเต้าปูนด้วยกันเองเป็นอาหาร เนื่องจากเคลื่อนที่ได้ช้า จึงมีการพัฒนาอาวุธเฉพาะตัวขึ้นมาคือ เข็มพิษ (venomous harpoon) เพื่อใช้สำหรับล่าเหยื่อและทำให้เหยื่อหมดสติก่อนกลายเป็นอาหาร ที่มีความรวดเร็วสูง ซึ่งในสายพันธุ์ขนาดใหญ่ พิษของหอยเต้าปูนมีความรุนแรงมากพอที่จะฆ่าคนได้
หอยปากกระจาด
เขียนโดย
demonsiege
หอยปากกระจาด (อังกฤษ: Dog Whelk) จัดอยู่ไฟลัมมอลลัสคา เป็นหอยฝาเดียว เปลือกทรงกรวย ปลายยอดแหลม มีทั้งชนิดที่เปลือกเรียบและเปลือกไม่เรียบ มีได้ทั้งสีน้ำตาล สีดำ หรือน้ำตาลปนดำ กินซากสัตว์เป็นอาหาร อาศัยอยู่ตามหาดทรายหรือหาดเลน
หอยหมวกเจ๊ก
เขียนโดย
demonsiege
หอยหมวกเจ๊ก (อังกฤษ: Limpet) จัดอยู่ในไฟลัมมอลลัสคา เป็นกลุ่มของหอยฝาเดียวมีหลายชนิด พบทั้งในน้ำจืดและน้ำเค็ม เปลือกนูนขึ้นมีรูปร่างคล้ายหมวกของชาวจีน มีหลายสี ทั้งน้ำตาล ม่วง ดำ ขาว อาศัยอยู่บนหินในเขตน้ำขึ้นน้ำลง กินสาหร่ายเป็นอาหาร
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)